เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมักจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของคนเรา

ทุกๆ วันเราต้องเผชิญกับสภาพอากาศแตกต่างกัน เช่น ร้อน ฝน หรือลมพายุ อากาศมีผลต่ออารมณ์คนเราจริงหรือ ถ้าอากาศเปลี่ยนอารมณ์คนเราก็มักจะเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าคุณเข้ามาอ่านบทความของเราแล้วเห็นว่าบางอย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ได้โปรดโทษว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงค่ะ

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สัญญาพระจันทร์ Blame on the Moon by Charlotte Hill

สัญญาพระจันทร์ สนพ.ฟองน้ำ อันดับที่ 461 มีนาคม 2543
แปลจากเรื่อง เอเฝอริธิง แอนด์ เดอะ มูน โดย จูเลีย ควินน์
(เปลี่ยนชื่อตัวละคร)

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ในชุดลินดอน ซิสเตอร์ส เป็นเรื่องของพี่สาวคนโต เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของน้องสาวคนเล็กคือเรื่อง ดั่งดวงตะวันฉาย ที่เราเคยเขียนไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งสองเรื่องถูกเปลี่ยนชื่อตัวละครจนไม่มีตัวละครใดเชื่อมโยงถึงกันเลยค่ะ

แพทริค แกรนแธม เอิร์ลหนุ่มรูปหล่อแห่งแม็คเคิลส์ฟิลด์ที่มีบิดาเป็นถึงท่านมาร์ควิสได้พบกับเอมิเลีย มอร์ตันลูกสาวนักบวชประจำตำบลที่มีนิสัยรักธรรมชาติและสดใสร่าเริงในป่าบริเวณที่ดินของเขา แพทริคหลงรักเธอทันทีและตามจีบเธออยู่หลายเดือน แต่ทั้งท่านมาร์ควิสและพ่อของเอมิเลียไม่เห็นด้วย บังคับให้พวกเขาเลิกกันโดยขู่จะไม่ให้มรดกแก่เขา ทำให้แพทริคโกรธมากและคิดจะหนีตามกันไป เมื่อเอมิเลียรู้ดังนั้นก็ไม่สบายใจจึงพยายามหว่านล้อมแพทริคเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่เป็นผล

เมื่อถึงเวลานัดแพทริตคอยเอมิเลียอยู่นานเธอก็ไม่มีสักทีจึงไปบ้านของเธอและเห็นเธอนอนหลับสบายอยู่บนเตียงทำให้เขาผิดหวัง คิดว่าเอมิเลียไม่ต้องการไปกับเพราะเขาไม่มีเงิน หารู้ไม่ว่าพ่อของเธอได้จับเธอมัดไว้กับเตียงตลอดทั้งคืนจนเมื่อได้รับอิสระเอมิเลียได้ไปหาเขาที่บ้านแต่เขาก็ได้เดินทางไปลอนดอนแล้ว  เธอคิดว่าที่พ่อของเธอพูดว่าเป็นได้แค่เมียเก็บของเขาเท่านั้นเป็นความจริง  เธอเสียใจมากจึงหางานทำเป็นครูพี่เลี้ยงและไม่ยอมกลับบ้านอีกเลย

7 ปีผ่านไป เอมิเลียในฐานะครูพี่เลี้ยงที่ไม่ต่างกับคนรับใช้เท่าใดนัก ได้พบกับแพทริคอีกครั้งหนึ่ง เขาเสนอให้เธอมาเป็นเมียเก็บของเขาแต่เธอปฏิเสธและยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นแก่เธอมากยิ่งขึ้นไปอีก  แพทริคเองก็โกรธจึงเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อของเขาและได้รู้ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว  เขาจึงกลับไปหาเธอแต่เธอได้ลาออกจากงานไปแล้ว

ความเห็นส่วนตัว
ตัวละครน้อย  เน้นแค่ตัวพระ-นาง  นางเอกค่อนข้างคิดมาก เจ้าคิดเจ้าแค้นไปหน่อย  พระเอกเป็นคนมีความคิดดีมาก  อดทนมากแต่ก็มีขอบเขตของความอดทน  สนุกค่ะ

สำนวนแปล
สำนวนเก่าปนกับสำนวนใหม่  แข็งไปหน่อยจนเกือบไม่ได้อารมณ์ย้อนยุค แต่ก็โอเคเมื่อดูจากปีที่พิมพ์

อุณหภูมิ   25° C 

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดั่งดวงตะวันฉาย Sunshine of My Love by Charotte Hill

ดั่วดวงตะวันฉา สนพ.ฟองน้ำ อันดับที่ 469 มิถุนายน 2543
แปลจากเรื่อง ไบรเทอร์ แดน เดอะ ซัน โดย จูเลีย ควินน์
(เปลี่ยนชื่อตัวละคร)
 
เจมส์ ไวท์คอม ไทเลอร์ เอิร์ลแห่งทอร์นตัน หนุ่มเสเพล ผู้หล่อเหลาและร่ำรวยกำำลังจะสูญเสียสมบัติทุกอย่างในอีก 15 วันข้างหน้าตามพินัยกรรม หากเขาไม่สามารถหาเจ้าสาวได้ทันก่อนมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์  มิฉะนั้นสมบัติทุกชิ้นจะตกแก่ญาติอันดับรอง

ซึ่งเหตุนี้ทำให้เขาดื่มเหล้่าจนเมาตกจากต้นไม้ลงมาแทบเท้า มิสเอลิซา วิลลิง สาวสวยปากร้ายลูกสาวนักบวชประจำหมู่บ้าน  จนได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำให้เอลิซาต้องช่วยปฐมพยาบาลและพยุงเขาไปส่งยังรถม้า  ซึ่งตลอดเวลานั้นเอลิซาก็พูดไม่หยุดปาก  จากการโต้เถียงปะทะคารมกับเจมส์  แต่เจมส์ก็ยังขอเธอแต่งงานด้วยความอับจนหนทางอย่างแท้จริง เอลิซาคิดว่าเขาเมา กำลังล้อเธอเล่น และเธอก็รู้จักชื่อเสียงของเขาว่าเป็นคนเจ้าชู้เสเพลเพียงใด จึงไม่ใส่ใจและทิ้งเขาไว้ให้ช่วยเหลือตัวเองต่อไป

เมื่อเอลิซากลับถึงบ้านเธอได้พบกับว่าที่แม่เลี้ยงของเธอทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ  พูดจาดูถูกที่เธอไม่มีผู้ชายมาสนใจจนกลายเป็นภาระให้พ่อของเธอ  และพยายามจะเข้ามายึดบ้านที่เธออาศัยมาตั้งแต่เกิด  ด้วยความคับข้องใจเธอจึงคิดถึงข้อเสนอของเจมส์

เอลิซาได้ทำการตกลงกันก่อนแต่งงานว่าจะยังไม่ใช้ชีวิตสมรสสมบูรณ์จนกว่าเธอจะเคยชินกับเขาเสียก่อน  ส่วนข้อตกลงของเจมส์คือ การแต่งงานครั้งนี้เพิกถอนไม่ได้ และ เขาสามารถหว่านล้อมเธอให้เปลี่ยนใจในข้อตกลงของเธอได้

เมื่อแต่งงานกันแล้วเอลิซาต้องเข้าไปอยู่ร่วมบ้าน(คฤหาสน์)กับเจมส์ และญาติที่เขาได้อุปการะไว้ เอลิซาพยายามทำทุกอย่างตามหน้าที่ของเคาท์เตสแต่ก็ถูกขัดขวาง จนเกิดการเข้าใจผิด และเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง  แต่่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีอันตรายร้ายแรง

ความเห็นส่วนตัว
ตัวละครน้อยอ่านง่าย  บทส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ตัวพระ-นางลับฝีปากกัน  เรียนรู้นิสัยใจคอจากการนี้โดยเฉพาะ พระเอกน่ารักดี ขำๆ  นางเอกพูดมาก แต่พระเอกก็ชอบที่นางเอกฉลาดเท่าทันกันแถมเขายังสนุกที่ได้ทะเลาะกับเธอ พล๊อตง่ายๆ ตัวร้ายก็ไม่ค่อยฉลาด  อ่านสบายๆ ไม่ซีเรียส ไม่กดดัน  เราว่าสาวๆ จะต้องชอบอ่านแนวนี้มากๆ

สำนวนแปล
เนื่องจากเป็นหนังสือเก่าสำนวนจึงออกจะโบราณไปหน่อย  แต่ถ้าอ่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ต้องบอกว่าสำนวนดีค่ะ

อุณหภูมิความร้อน 25° C 

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

VEIL of NIGHT by LINDA HOWARD




ปกติบันเทิงหลักของเราคือการอ่านหนังสือนิยายโรแมนซ์  งานควิลท์คือช่วงพักของเราค่ะ  และส่วนใหญ่จะอ่านฉบับแปลเท่านั้น  หนังสือเรื่อง VEIL of NIGHT นี้เป็นไม่กี่เรื่องที่เราอ่านอังกฤษ สาเหตุที่อ่านก็เพราะมีเพื่อนบิ้วท์เสียจนรอฉบับแปลไม่ไหวค่ะ เรื่องนี้เป็นงานเขียนของลินดา โฮเวิลด นักเขียนในดวงใจที่ระยะหลังงานเขียนของเธอไม่ค่อยโดนใจเราเท่าไร แต่เรื่องนี้เธอกลับมาผงาดได้อีกครั้งค่ะ   จึงรบกวนน้องสาวคนหนึ่งสั่งคิโน๊ะฯ มาให้  พอได้ลองอ่านแล้วก็เป็นจริงสมคำล่ำลือ แต่เราขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าคาดหวังมากนักนะคะ

นางเอกของเรื่องเป็นเจ้าของบริษัทจัดแพลนแต่งงานครบวงจร  Jaclyn Wilde   พระเอกเป็นตำรวจนักสืบ Eric Wilder บริษัทของแจคลินมีลูกค้ามาจ้างเธอจัดงานฯ เนืองแน่นจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง  ที่หนักกว่านั้นเมื่อเธอได้ทำสัญญากับลูกค้าจากนรกคนหนึ่ง Carrie Edwards ที่เธอตั้งฉายาว่า "ไบรด์ซิลล่า"  วันที่เธอพบกับอีริคครั้งแรกคือวันที่น่าจะเรียกว่าวันโลกาวินาศ  ในระหว่างที่เธอรีบร้อนจะไปพบกับลูกค้านรกของเธอรายนี้  เธอเดินชนเข้ากับเขาและรับรู้ว่าเขาเป็นตำรวจจากการประชิดตัว  และเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นทันที  แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่เธอจึงต้องลืมเรื่องนี้ไปก่อน  เมื่อเธอไปพบลูกค้าตามนัดพร้อมกับดีลเลอร์อีก 4 คนเพื่อประชุมแผนงานกับ แคร์รี่ ก็เกิดการวิวาทขั้นรุนแรง  หลังจากนั้นแคร์รี่ก็ถูกฆ่า  คืนนั้นแจคลินได้พบกับอีริคอีกครั้งหนึ่งในผับของตำรวจและเกิดวันไนท์สแตนด์ขึ้นระหว่างกันแต่ยังไม่ทันต่อความสัมพันธ์กันเมื่อเธอถูกสงสัยว่าเป็นคนฆ่าแคร์รี่  ซึ่งตำรวจที่ทำหน้าที่สืบสวนคดีนี้ก็คืออีริค  ทำให้เธอโกรธเขามาก  และร้ายกว่านั้นเธอบังเอิญเห็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว

สิ่งแรกเลยที่เราเห็นมุกขำคือนามสกุลของพระเอก-นางเอกมันมีอะไรข่มกันอยู่  และก็เรื่องยุ่งๆ เกี่ยวกับกาแฟที่ทำให้ทั้งขำและสงสารพระเอกในคราวเดียวกัน แจคลินทำให้เรานึกถึงแบลร์ จากเรื่อง to die forในภาคที่เบากว่า   แจคลินและแม่ของเธอที่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกันนั้น ทั้งคู่ร้าย และแสบสันเข้าไส้ ปากจัด จิกกัดได้ตลอด แต่ก็ตลก ขำๆ อ่านไปยิ้มไป การสืบหาตัวฆาตกรก็ตามสไตล์ลินดาค่ะ ผู้อ่านไม่ต้องเดาให้ปวดหัว  สรุปเรื่องนี้ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบแต่ก็สนุกค่ะ
(สปอยล์)
พระเอกอยากจะนอนกับนางเอกมากจึงอยากสืบคดีนี้ให้เสร็จสิ้น เพราะระหว่างที่นางเอกโกรธพระเอกอยู่นี้ พระเอกรู้ว่าตัวเองอด


ขอเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ
อยากบอกว่าทำไมถึงได้หยิบเรื่องที่อ่านอังกฤษมาประเดิมเขียนบล็อกเป็นเรื่องแรก ไม่เอาเรื่องที่แปลแล้วมาเขียน เราว่ามันเขียนง่ายกว่าค่ะตรงที่ 1.หลายคนที่รอฉบับแปลยังไม่ได้อ่าน ดังนั้นจึงยังไม่มีใครมีความเห็นขัดแย้งกับเรา  แต่ถึงมีความเห็นที่แตกต่างไปเราก็เปิดใจรับและเข้าใจค่ะ  และ 2.เราไม่ต้องให้คะแนนนักแปลค่ะ  

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ควิลท์เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง 2

กระเป๋าทูโทนขนาดกว้าง 28ซม. สูง 30 ซม.มีช่องซิปด้านหน้า  สายยาวสะพายเฉียง  เหตุที่เรียกว่าทูโทนเพราะชิ้นหน้ากับชิ้นหลังสีไม่เข้ากันชิ้นหน้าโทนสีเขียว  สังเกตผ้ากุ้นขอบบนของเราด้วยค่ะ  ชิ้นหลังโทนสีแดง เราไปเจอเศษผ้าชิ้นเล็กๆ สวยๆ ชิ้นละ 5 บาท 10-45บาททีไรอดซื้อไม่ได้ทั้งที่ไม่รู้จะเอามาทำอะไร  ก็เหมือนเดิมสตามสไตล์ำ  คือมีอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้นจะได้ไม่ต้องออกไปสำเพ็งเพราะถ้าเราไปสำเพ็งเมื่อไรล่ะก็เรื่องยาวเล่าเป็นตำนานเชียว ส่วนลายแอพปิเคเราออกแบบเองแล้วแต่สภาพอากาศในช่วงนั้นค่ะ
นี่คือกระเป๋าที่ทำเสร็จแล้วค่ะ เรามาดูกันว่าจะงามขนาดไหน

อุปกรณ์
1.ใยสังเคราะห์หนา 250 กรัม
2.ซิปขนาด 12 นิ้ว    2 เส้น
3.ห่วงโลหะหรือพลาสติก...
ตัว D 2 อัน  ก้ามปู 2 อัน หัวเข็มขัด 1 อัน
4.สายไนล่อนขนาดความกว้างพอดีกับข้อ 3 จำนวน 2 หลา
5.ผ้ากุ้น
6.ผ้ากาวสำหรับทำกระเป๋า

มาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่า  อ้อ!! เราอาจจะลงรูปไม่ครบนะคะเพราะกล้องที่ใช้ถ่ายไม่ทราบเป็นอะไร ถ้าสงสัยอะไรก็ถามเราได้นะคะ

.................................................................................................................
1.ตัดผ้าสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 7.0x7.0 ซม.(เผื่อเย็บเอาเองนะคะ) แล้วนำมาวางจัดเรียงสีตามชอบ ถ้ากลัวจำไม่ได้ติดเบอร์เอาไว้ก็ดีค่ะ


2.นำผ้าชุดที่ตั้งใจว่าจะทำเป็นชิ้นหลังมาเย็บต่อกัน ให้มุมชนมุมกันพอดี ตรงนี้จะยากถ้าเย็บมือจะง่ายกว่า เรียบร้อยกว่า ของเราเย็บจักรค่ะ กี้เขียดอ่ะนะ เลาะแล้วเลาะอีก อิอิ ขึ้นอยู่กับอากาศ ส่วนผ้าอีกชุดนึงยังไม่ต้องเย็บต่อ ให้เอาไปแอปปิเคก่อนค่ะ
 

3.ตัดผ้าซับในและใยสังเคราะห์ ขนาดเท่ากับชิ้นงานข้างบนนี้ แล้วนำมาเย็บเข้าด้วยกันตามรูปเว้นระยะไว้สำหรับกลับผ้าด้วยพอประมาณ



 4.กลับด้านถูกออกมาก็จะค่อยๆ เห็นความงาม  ตรงมุมก้นกระเป๋าตัดผ้าโค้งหรือไม่ก็ได้ค่ะแล้วแต่ชอบ แล้วเย็บปิดช่องที่เว้นไว้กลับผ้า

5.ติดซิปหน้า
6.กุ้นขอบปากกระเป๋า เนื่องจากมันเป็นกระเป๋าทูนโทนเราจึงใช้ผ้ากุ้นคนละสีค่ะ แล้วติดซิปบนปากกระเป๋า ซิปที่ซื้อมาเป็นแบบถอดได้เวลาเย็บจะไม่เกะกะ



7.ตัดผ้าซับในมาทำชิ้นรองกระเป๋าเย็บติดด้านใน ด้วยวิธีการใช้ผ้า 2 ชิ้นรีดผ้ากาวเย็บประกบกันแล้วสอยติดด้านใน รูปอยู่ในกล้องที่เสียค่ะเราจึงไม่มีรูปมาให้ดู แต่เนื่องจากมันเป็นชิ้นที่อยู่ด้านในมันจึงไม่ค่อยสำคัญเท่าไรทำอย่างไรก็ได้ไม่มีใครเห็น แต่ต้องทำนะคะ  ถ้าใครอยากเพิ่มช่องใส่มือถือ หรือช่องใส่เศษตังค์ก็ทำในขั้นตอนนี้ค่ะ
8.เอา 2 ชิ้นงานที่ทำเสร็จแล้วมาเย็บประกอบกัน พยายามเย็บด้านข้างให้มุมชนมุมนะคะ ของเราทำบางทีอาจต้องข่มขืนกันเลยเพราะผ้าที่ใช้มีหลายชิ้น แต่ละชิ้นมีโครงสร้างต่างกัน บางชิ้นทอไม่แน่น ความยืดหดตัวต่างกัน เสร็จแล้วกลับด้าน เย็บด้านในกระเป๋าด้วยค่ะ


9.ขั้นตอนต่อไปเรามาทำสายสะพายกันค่ะ สายที่ซื้อมา 2 หลา ไม่ต้องตัดทิ้งปล่อยไ้ว้ยาวๆ เลยค่ะ จะได้เอาไว้ปรับความยาวของแต่ละคนค่ะ
 10.เอาชิ้นที่เป็นห่วงตัวดีไปเย็บติดมุมด้านในกระเป๋า(ไม่มีรูปให้ดูค่ะ) นำก้ามปูมาเกี่ยวแค่นี้ก็ใช้ได้แล้วค่ะ เราทำไว้ใช้ตอนไปตลาดหรือตอนขี่รถป๊อบ มันใช้สะดวกกว่าแบบหิ้วหรือสะพายไหล่ ทำให้มือเราว่างไปทำอย่างอื่นได้ค่ะ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ควิลท์เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง 1

เราขอนำเสนองานผ้าควิลท์ที่เพิ่งทำเสร็จหมาดๆ มือยังไม่หายด้านมาอวดกันเป็นงานแรก ต้องขอออกตัวก่อนว่าเราไม่เคยเรียนวิธีทำมาเลย อาศัยความรู้จากการเปิดคลิปยูทูปอย่างเดียว ดังนั้นถ้าผลงานออกมาไม่สวยงามตรงจุดไหน ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขเราด้วยจะขอบคุณมาก ตัวอย่างที่เห็นว่าควรแก้ไขในงานชิ้นนี้ของเราคือมันย่นๆ ไม่เรียบร้อยเหมือนที่เราเคยซื้อมาใช้ค่ะ โดยเฉพาะตอนทำแอบปิเค มีเทคนิคอะไรช่วยแนะนำด้วยนะคะ

กระเป๋าเป้ใบนี้เราออกแบบเองทุกอย่าง มันค่อนข้างจะรกอยู่ เราชอบอะไรเราก็ใส่ๆมันเข้าไปตั้งแต่ยังเป็นชิ้นๆ แต่พอนำมาประกอบกันเราจึงเห็นว่ามันมากเกินสวยไปหน่อย นี่คือภาพที่ทำเสร็จแล้ว
1.

2.

3.

4.
                                            ขนาดกระเป๋า กว้าง 26ซม. สูง 35ซม.หนา17ซม.

1.เย็บผ้าชิ้นงานขนาด 17x26 ซม.= 5 ชิ้น  เพื่อทำเป็นก้นกระเป๋าด้านนอกควิลท์ธรรมดา(1ชิ้น) เอามาทำกระเป๋าซิปอีก 2 ชิ้น(ควิลท์ลายสวย 1 ชิ้น ควิลท์ธรรมดา 1 ชิ้น) และทำเป็นผ้ารองกระเป๋าช่องซิปด้านหน้า-ด้านหลังอย่างละ 1 ชิ้น สองชิ้นนี้จะอยู่ด้านในดังนั้นไม่จำเป็นต้องควิลท์
2.ทำชิ้นงานขนาดสูง 18 ซม. กว้าง 26 ซม.โค้งด้านบนดังภาพข้างล่างนี้จำนวน 2 ชิ้น ควิลท์ลาย 1 ชิ้น ควิลท์ธรรมดา 1ชิ้น

3.เอาชิ้นที่1กับชิ้นที่2 เย็บต่อกันด้วยซิปขนาด 12 นิ้ว เป็นชิ้นหน้า-หลังของกระเป๋า

4.เอาชิ้นที่1 เย็บติดด้านในซิปทำเป็นกระเป๋า ทั้งชิ้นหน้าและหลัง
ชิ้นที่1-2
5.ทำชิ้นงานขนาดกว้าง 17 ซม.ยาว 88 ซม. แล้วควิลท์

6.แล้วติดซิปขนาด 18 นิ้ว ตรงรอยต่อผ้า กะให้อยู่กึ่งกลางพอดีกับความยาว
7.เย็บประกอบตัวกระเป๋าเข้าด้วยกัน เอาชิ้นหน้าประกอบก่อน เพราะไม่ต้องเย็บติดสายกระเป๋า
8.กุ้นปิดตะเข็บด้านในกระเป๋า
9.ทำสายกระเป๋าขนาดกว้าง 5.5 ซม.ยาว 58 ซม. จำนวน 2 ชิ้น ติดปลายด้านหนึ่งกับสายไนล่อน
10.ติดที่ล็อคปรับความยาวสาย
11.เย็บเนาประกอบสายเข้ากับตัวกระเป๋าทำมุม 90 องศาแล้วทำหูสำหรับแขวนกระเป๋าขนาดกว้าง 2 ซม.ยาว 14 ซม.เย็บติดซ้อนเข้าไป
12.เนาปลายสายไนล่อนที่ติดกับตัวตัวล็อคเข้ากับด้านข้างตัวกระเป๋า เสร็จแล้วประกอบกับตัวกระเป๋าที่ทำค้างไว้ในข้อ 7 กุ้นปิดตะเข็บแล้วกลับด้านถูกออกมา
ปล.ขนาดที่ให้ไปยังไม่ได้เผื่อเย็บค่ะ